ข่าวสาร >> บทความ >> รู้ไว้ใช่ว่า รู้ไว้ใช่ว่า…ตอน “ตำนานพระเจ้าห้าพระองค์”
🪷 ผู้ที่มีมหาบุรุษลักษณะ เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้าเมื่อก่อนตรัสรู้
มีตำนานพื้นบ้านที่แพร่หลายอยู่ในทุกภูมิภาคของไทย บ้างก็เรียกกันว่า ตำนานพญากาเผือก ในภาคเหนือบางถิ่นเรียกว่า อานิสงส์ผางประทีป แม่กาเผือก พระเจ้าห้าตน ตำนานเวียงกาหลง ตำนานดอยสิงคุตตระ เป็นต้น ภาคอีสานบางถิ่น เรียกว่ากาเผือก ตำนานพระธาตุเชิงชุม ภาคกลางบางถิ่นเรียกว่า กาขาว ต้นเหตุลอยกระทง ปัญจพุทธพยากรณ์ เป็นต้น และในภาคใต้บางถิ่น เรียกว่า พระเจ้าสามเณร
สาระสำคัญของตำนานพระเจ้าห้าพระองค์ คือการเล่าเรื่องประวัติของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ ในภัทรกัปป์หรือกัปป์ปัจจุบัน แบ่งเป็น พระอดีตพุทธเจ้า ๓ พระองค์ คือ พระกุกกุสันธะ พระโกนาคม และพระกัสสปะ พระปัจจุบันพุทธเจ้า ๑ พระองค์ คือ พระโคตมะ และพระอนาคตพุทธเจ้า ๑ พระองค์ คือ พระศรีอาริยเมตไตรย
ตำนานพระเจ้าห้าพระองค์จะพรรณนาประวัติของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ตั้งแต่ก่อนเป็นพระพุทธเจ้าจนถึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์นี้ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เคยเกิดมาเป็นพี่น้องกันในพระชาติหนึ่ง โดยมาเกิดเป็นลูกแม่กาเผือกซึ่งได้ออกและฟักไข่ ๕ ฟอง ไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ ภายหลังเกิดพายุใหญ่ พัดรังกากระจัดกระจายไป ไข่กาทั้ง ๕ ฟองตกลงมา จากต้นไม้นั้น และถูกพายุพัดไหลไปตามนํ้า แม่กาเผือกเห็นดังนั้นเข้าใจว่าลูกตาย จึงตรอมใจตาย และไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหม ส่วนไข่ทั้ง ๕ ฟองนั้น ก็มีแม่สัตว์ต่างๆ เก็บได้และนำไปเลี้ยงเป็นบุตร
แม่สัตว์ที่เก็บไข่ไปเลี้ยง ได้แก่ แม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่สิงห์ เมื่อครบกำหนด ไข่ก็แตกออกมาเป็นมนุษย์เพศชาย ๕ คน ต่อมาเมื่อทารกทั้ง ๕ เจริญวัยขึ้น ก็ออกบวชเป็นฤๅษีอยู่ในป่า ครั้งนั้น ร้อนไปถึงพระอินทร์ จึงทรงให้พระวิษณุกรรมนิมิตอาศรมแก่ฤาษีทั้ง ๕ ตนนั้น วันหนึ่งพระฤๅษีทั้ง ๕ ตนเดินทางมาพบกันโดยบังเอิญ จึงได้ทราบว่าเป็นพี่น้องกัน เมื่อทราบเรื่องแล้วต่างก็พากันรำลึกถึงพระคุณแม่กาเผือก และประสงค์จะพบแม่กาเผือก ครั้งนั้นท้าวพกาพรหมจึงลงมาบอกว่าให้เอาฝ้ายไปทำเป็นตีนกา ใส่ในผางหยอดนํ้ามัน แล้วจุดไฟบูชา กุศลนั้นจึงจะไปถึงแม่ และเป็นการแทนพระคุณแม่กาเผือกได้ด้วย
🪷 ลักษณะของมหาบุรุษมี ๓๒ ประการ คือ
๑. มีพระบาทราบเสมอกัน (พระบาท = เท้า)
๒. ลายพื้นพระบาทเป็นจักร (จักร = รูปลอยล้อรถ คือธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุลล้อนำไป สู่ที่หมาย)
๓. มีส้นพระบาทยาย (ถ้าแบ่ง ๔ ส่วน พระชงฆ์ตั้งอยู่ในส่วนที่ ๓) (พระชงฆ์ = แข้ง)
๔. มีนิ้วยาวเรียว (หมายถึงนิ้วพระหัตถ์และพระบาทด้วย)(นิ้วพระหัตถ์ = นิ้วมือ)
๕. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
๖. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย
๗. มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ อัฐิข้อพระบาทตั้งลอยอยู่หลังพระบาท กลับกลอกได้คล่อง เมื่อทรงดำเนินผิดกว่าสามัญชน (อัฐิ = กระดูก ดำเนิน = เดิน)
๘. พระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย
๙. เมื่อยืนตรง พระหัตถ์ทั้งสองลูบจับพระชานุ (พระชานุ = เข่า)
๑๐. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก (พระคุยหะ = อวัยวะที่ลับ)
๑๑. มีฉวีวรรณดุจสีทอง (ฉวีวรรณ =สีผิวกาย)
๑๒. พระฉวีละเอียด (พระฉวี = ผิว)
๑๓. มีเส้นพระโลมาเฉพาะขุมละเส้น ๆ (พระโลมา = ขน)
๑๔. เส้นพระโลมาดำสนิทเวียนเป็นทักขิณาวัฏ มีปลายงอนขึ้นข้างบน (ทักขิณาวัฏ = วนเลี้ยวทางขวาอย่างเข็มนาฬิกา)
๑๕. พระกายตั้งตรงดุจท้าวมหาพรหม
๑๖. มีพระมังสะอูมเต็มในที่ ๗ แห่ง (คือ หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒ และหลังพระบาททั้ง ๒ , พระอังสาทั้ง ๒, กับลำพระศอ) (พระมังสะ = เนื้อ , ชิ้นเนื้อ พระอังสา = บ่า,ไหล่ พระศอ = คอ)
๑๗. มีส่วนพระสรีระกายบริบูรณ์ (ล่ำพี) ดุจกึ่งท่อนหน้าแห่งพญาราชสีห์ (สรีระ = ร่างกาย)
๑๘. พระปฤษฎางค์ราบเต็มเสมอกัน (พระปฤษฎางค์ = ส่วนหลัง,ข้างหลัง)
๑๙. ส่วนพระกายเป็นปริมณฑล ดุลปริมณฑลแห่งต้นไทร(พระกายสูงเท่ากับว่าของพระองค์)(วา = เท่ากับ ๔ ศอก ประมาณ 2 เมตร)
๒๐. มีลำพระศอกกลมงามเสมอตลอด
๒๑. มีเส้นประสาทสำหรับรสพระกระยาหารอันดี
๒๒. มีพระหนุดุจคางแห่งราชสีห์ (โค้งเหมือนวงพระจันทร์)(พระหนุ = คาง)
๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ (ข้างละ ๒๐ ซี่) (พระทนต์ = ฟัน)
๒๔. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
๒๕. พระทนต์เรียบสนิทมิได้ห่าง
๒๖. เขี้ยวพระทนต์ทั้ง 4 ขาวงามบริสุทธ์
๒๗. พระชิวหาอ่อนและยาว (อาจแผ่ปกพระนลาฏใต้)(พระชิวหา = ลิ้น พระนลาฎ = หน้าผาก)
๒๘. พระสุรเสียงดุจท้าวมหาพรหม ตรัสมีสำเนียงดุจนกการเวก
๒๙. พระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
๓๐. ดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
๓๑. มีอุณาโลมระหว่างพระโขนง เวียนขวาเป็นทักขิณาวัฏ (อุณาโลม = ขนระหว่างคิ้ว)
๓๒. มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ (พระเศียร = ศีรษะ)
🪷 นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่ละเอียดอีก ซึ่งเป็นลักษณะเสริมของลักษณะมหาบุรุษ ที่เรียกว่า อนุพยัญชนะ 80 อย่าง คือ
1. มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทอันเหลืองงาม
2. นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทเรียวออกไปโดยลำดับตั้งแต่ต้นจนปลาย
3. นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทกลมดุจนายช่างกลึงเป็นอันดี
4. พระนขา คือ เล็บทั้ง 20 มีสีอันแดง
5. พระนขาทั้ง 20 นั้น งอนงามช้อนขึ้นเบื้องบนมิได้ค้อมลงเบื้องต่ำ ดุจเล็บแห่งสามัญชนทั้งปวง
6. พระนขานั้นมีพรรณอันเกลี้ยงกลมสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
7. ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทซ่อนอยู่ในพระมังสะ มิได้สูงขึ้นปรากฏออกมาภายนอก
8. พระบาททั้งสองเสมอกัน มิได้ย่อมใหญ่กว่ากันมาตรว่าเท่าเมล็ดงา
9. พระดำเนินงามดุจอาการเดินแห่งกุญชรชาติ
10. พระดำเนินงามดุจสีหราช
11. พระดำเนินงามดุจดำเนินแห่งหงส์
12. พระดำเนินงามดุจอสุภราชดำเนิน
13. ขณะเมื่อยืนจะย่างดำเนินนั้น ยกพระบาทเบื้องขวาย่างไปก่อน พระกายเยื้องไปข้างเบื้องขวาก่อน
14. พระชานุมณฑลเกลี้ยงกลมงามบริบูรณ์ มิได้เห็นอัฏฐิสะบ้าปรากฏออกมาภายนอก
15. มีบุรุษพยัญชนะบริบูรณ์ คือ มิได้กิริยามารยาทคล้ายสตรี
16. พระนาภีมิได้บกพร่อง กลมงามมิได้พิกลในที่ใดที่หนึ่ง
17. พระอุทรมีสัณฐานอันลึก
18. ภายในพระอุทรมีรอยเวียนเป็นทักขิณาวัฏ
19. ลำพระเพลา คือ ขาทั้งสองงามดุจลำสุวรรณกัททลี คือ ลำต้นกล้วยสีทอง
20. ลำพระกร คือ แขนทั้งสองงามดุจงวงแห่งเอราวัณเทพยหัตถี คือ ช้าง 33 เศียร เป็นพาหนะของพระอินทร์
21. พระอังคาพยพ คือ อวัยวะใหญ่น้อยทั้งปวงจำแนกเป็นอันดี คืองามพร้อมทุกสิ่งหาที่ตำหนิมิได้
22. พระมังสะที่ควรจะหนาก็หนา ที่ควรบางก็บางตามที่ทั่วทั้งพระสรีระกาย
23. พระมังสะมิได้หดหู่ในที่ใดที่หนึ่ง
24. พระสรีระกายทั้งปวงปราศจากต่อมและไฝปาน มูลแมลงวันมิได้มีในที่ใดที่หนึ่ง
25. พระกายงามบริสุทธิ์พร้อมสมกันโดยตามลำดับทั้งเบื้องบนแลเบื้องล่าง
26. พระกายงามบริสุทธิ์สิ้นปราศจากมลทินทั้งปวง
27. ทรงพระกำลังมาก เสมอด้วยกำลังแห่งกุญชรชาติประมาณถึงพันโกฏิช้าง ถ้าจะประมาณด้วยกำลังบุรุษก็ได้ถึงแสนโกฏิบุรุษ
28. มีพระนาสิกอันสูง
29. สัณฐานพระนาสิกงามแฉล้ม
30. มีพระโอษฐ์เบื้องบนเบื้องต่ำมิได้เข้าออกกว่ากัน เสมอเป็นอันดี มีพรรณแดงงามดุจสีผลตำลึงสุก
31. พระทนต์บริสุทธิ์ปราศจากมูลมลทิน
32. พระทนต์ขาวดุจดังสีสังข์
33. พระทนต์เกลี้ยงสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
34. พระอินทรีย์ทั้ง 5 มีจักขุนทรีย์ เป็นต้น งามบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
35. พระเขี้ยวทั้ง 4 กลมบริบูรณ์
36. ดวงพระพักตร์มีสัณฐานยาวสวย
37. พระปรางค์ คือแก้มทั้งสองดูเปล่งงามเสมอกัน
38. ลายพระหัตถ์มีรอยอันลึก
39. ลายพระหัตถ์มีรอยอันยาว
40. ลายพระหัตถ์มีรอยอันตรง มิได้ค้อมคด
41. ลายพระหัตถ์มีรอยอันแดงรุ่งเรือง
42. รัศมีพระกายโอภาสเป็นปริมณฑลโดยรอบ
43. กระพุ้งพระปรางค์ทั้งสองเคร่งครัดบริบูรณ์
44. กระบอกพระเนตรกว้างและยาวงามพอสมกัน
45. ดวงเนตรกอปรด้วยประสาททั้ง 5 มีขาวเป็นอาทิผ่องใสบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
46. ปลายเส้นพระโลมาทั้งหลายมิได้วอมิได้คด
47. พระชิวหามีสัณฐานอันงาม
48. พระชิวหาอ่อนบ่มิได้กระด้าง มีพรรณอันแดงเข้ม
49. พระกรรณ คือ หูทั้งสองมีสัณฐานอันยาวดุจกลีบปทุมชาติ
50. ช่องพระกรรณมีสัณฐานอันกลมงาม
51. ระเบียบพระเส้นทั้งปวงนั้นสละสลวยมิได้หดหู่ในที่อันใดอันหนึ่ง
52. แถวพระเส้นทั้งหลายซ่อนอยู่ในพระมังสะทั้งสิ้น มิได้เป็นคลื่นฟูขึ้เหมือนสามัญชนทั้งปวง
53. พระเศียรมีสัณฐานอันงามเหมือนฉัตรแก้ว
54. ปริมณฑลพระนลาฏโดยกว้างยาวพอสมกัน
55. พระนลาฏมีสัณฐานอันงาม
56. พระโขนงมีสัณฐานอันงามดุจคันธนูอันโก่ง
57. พระโลมาที่พระโขนงมีเส้นอันละเอียด
58. เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วล้มราบไปโดยลำดับ
59. พระโขนงนั้นใหญ่
60. พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร
61. ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย
62. พระสรีระกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ
63. พระสรีรกายมิได้มัวหมอง ผ่องใสอยู่เป็นนิจ
64. พระสรีรกายสดชื่นดุจดวงดอกปทุมชาติ
65. พระสรีรสัมผัสอ่อนนุ่มสนิท มิได้กระด้างทั่วทั้งพระกาย
66. กลิ่นพระกายหอมฟุ้งดุจกลิ่นสุคนธ์กฤษณา
67. พระโลมามีเส้นเสมอกันทั้งสิ้น
68. พระโลมามีเส้นละเอียดทั่วทั้งพระกาย
69. ลมอัสสาสะปัสสาสะลมหายพระทัยเข้าออกก็เดินละเอียด
70. พระโอษฐ์มีสัณฐานอันงามดุจแย้ม
71. กลิ่นพระโอษฐ์หอมดุจกลิ่นอุบล
72. พระเกสาดำเป็นแสง
73. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
74. พระเกสาหอมดุจกลิ่นโกมลบุปผชาติ
75. พระเกสามีสัณฐานเส้นกลมสลวยทุกเส้น
76. พระเกสาดำสนิททุกเส้น
77. พระเกสากอปรด้วยเส้นอันละเอียด
78. เส้นพระเกสามิได้ยุ่งเหยิง
79. เส้นพระเกสาเวียนเป็นทักขิณาวัฏทุกๆ เส้น
80. วิจิตรไปด้วยระเบียบพระเกตุมาลา คือ จอมกระหม่อม กล่าวคือถ่องแถวแห่งพระรัศมีอัน โชตนาการขึ้น ณ เบื้องบนพระอุตมังคสิโรตม์ คือ กะโหลกศีรษะ หมายความว่า มีรัศมีเปล่งอยู่เหนือพระเศียรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทั้งหมดนี้คือ ลักษณะมหาบุรุษทั้ง 32 ประการและอนุพยัญชนะ 80 ประการ ที่เป็นลักษณะเสริมกับลักษณะ 32 ประการ ซึ่งทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความพิเศษจากบุคคลทั่วไปหลายอย่าง ทั้งนี้เพราะเกิดจากการปรุงแต่งด้วยกุศลกรรมทำให้เป็นกายที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นกายที่ใกล้เคียงกับกายธรรมภายในที่เป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรม เป็นกายแห่งมหาบุรุษผู้เพียบพร้อมทั้งสิ้นอย่างแท้จริง
ลักษณะมหาบุรุษ คือ ลักษณะที่สุดยอดกว่าลักษณะทั้งปวง เป็นกายที่ดีที่สุด เป็นกายของผู้รู้ เป็นกายของผู้ที่จะมาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นลักษณะของการเริ่มต้นความรู้แจ้งในธรรมทั้งปวง เป็นร่างกายที่น่าชื่นชม เป็นกายที่มีเรี่ยวแรงมาก ซึ่งกว่าที่พระองค์จะได้ลักษณะอย่างนี้ ต้องสั่งสมบุญบารมีทุกอย่างมาหลายภพหลายชาติ โดยอย่างน้อยต้องสร้างบารมีมา 20 อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งไม่ใช่พรหมลิขิตหรือสวรรค์ลิขิต แต่เกิดขึ้นเพราะบุญทั้งสิ้น บันดาลให้เกิดมาเป็นรูปกาย คือ ลักษณะมหาบุรุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น