สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม- กมฺมุนา วตฺตตีโลโก

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ทั้ง โลกนี้ล้วนมีสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม , ไม่สู้ , ก็ต้องแพ้ ไป. " สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ “ แปลความว่า การให้ธรรมย่อมชนะ การให้ทั้งปวง

Translate

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568

▲ ซีอุย แซ่อึ้ง 黃利輝

ผลการค้นหา黃利輝. 細偉的屍體,在死亡博物館展覽. 出生, 1927年 中華民國廣東省汕頭市. 逝世 ... 194

細偉- 維基百科,自由的百科全書  

维基百科
https://zh.wikipedia.org › zh-hant › 细伟
· 
แปลหน้านี้

search-google   ทั้งหมด รูปภาพ  วิดีโอ  ข่าวสาร  ช็อปปิ้ง  Map
 ปีศาจฆาตกรกินคนนามว่า “ ซีอุย แซ่อึ้ง ” ทุกพื้นที่ ที่เขาเดินทางไป ศพแล้วศพเล่าเกิดจากการกระทำของเขา ทั้งข่มขื่น ทั้งฆ่า และผ่าศพเพื่อควักเอา อวัยวะภายในของเหยื่อออกมากิน…. ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่อาชญากรอัจฉริยะ แต่เขาก็สามารถสังหารเหยื่อถึง 6 ศพแล้วอยู่ลอยนวลกว่า 5 ปี 
     ณ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2470 ในซัวเถา เด็กชายคนหนึ่งได้ลืมตาดูโลกขึ้น เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้อง12 ชื่อเด็กคนนี้ว่า นายหลีอุย แช่อึ้ง แต่พวกเราชาวสยามต่างรู้จักนามว่า "ซีอุย" 
     พ่อแม่มีอาชีพทำไร่ ค่อนข้างยากจน และมีลูกมาก ซีอุยจึงขาดการดูแลจากพ่อแม่ ชั่วชีวิตของเขา เขาดำเนินชีวิตตามความพอใจของตนเองเป็นที่ตั้ง ออกจากบ้านไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ
     เขาเกิดมาเป็นคนตัวเล็กเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน (แม้เขาจะโตเป็นหนุ่ม เขาก็มีความสูงแค่ 150 เซนติเมตร) สาเหตุนี้เองเขามักจะถูกเด็กรอบข้างข่มเหงรังแก มาโดยตลอด 
จนกระทั้ง
     วันหนึ่งมีมีนักบวชชรารูปหนึ่งเกิดนึกสงสารเด็กที่มักถูกรังแกจากเด็กวัยเดียวกัน เขาจึงได้คำแนะนำน่ากลัวกับเขาอย่างหนึ่งว่า. "นายต้องกินหัวใจและตับของคน นายจะได้มีพลังมหาศาลเพื่อต่อสู้กับคนมารังแกได้" ซีอุยน้อยเชื่อคำแนะนำที่แสนชั่วร้ายอย่างสนิทใจ เขาเชื่อโดยไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เขาเริ่มหัดกินเนื้อสด ๆ เริ่มต้นด้วยการฆ่าสัตว์กินเครื่องใน เช่น ตับ ไต หัวใจ โดยคนรอบข้างไม่ห้ามปรามเพราะคิดว่าเขายังเด็กอยู่
     พอซีอุยอายุครบ 18 ปี เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์ เขาถูกเกณฑ์ไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาประจำอยู่หน่วยรบทหารราบที่ 8 ในขณะที่จีนและญี่ปุ่นทำสงครามอยู่ เขาถูกส่งไปรบในสมรภูมิพม่า แนวสนามรบตามรอยต่อตะเข็บชายแดนของประเทศจีน เป็นเวลาเกือบ ปีเต็ม ๆ ที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายจากกระสุนปืนจากข้าศึก กระสุนเหล่านั้นปลิดชีวิตเพื่อน ๆ ของเขาไปนับไม่ถ้วน ตัวเขาเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องทนทุกข์ทรมาน จากการสู้รบ ความหนาวเหน็บ และความอดอยาก
     จนกระทั้งหน่วยรบของซีอุยพลาดท่าตกวงล้อมของข้าศึก เสบียงเริ่มหมดลง ซีอุยหิวกระหายอย่างหนักเพราะไม่มีอาหาร เขามองรอบ ๆ จนสายตาเขามาหยุดที่เพื่อนทหารที่ล้มตายราวผักปลา นี้แหละอาหารชั้นหนึ่งเขาใช้มีดพกคู่กายกรีดศพเพื่อนทหารด้วยกันอย่างเลือดเย็นตั้งแต่หน้าอกจนถึงหน้าท้อง ควักหัวใจ ตับ และไส้ออก มาต้มกิน โดยไม่สนใจและความรู้สึกของเพื่อนทหารที่ตะลึงกับพฤติกรรมของเขาและนี้เองคือที่มาของพฤติกรรมอันแสนสยดสยองของเขา
     ในเวลาต่อมา เมื่อสงครามสงบซีอุยถูกปลดจากกองทัพ แต่เขาคิดว่าไม่อยากอยู่เมืองจีนอีกต่อไป เนื่องจากระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ รวมทั้งความอดอยากยากแค้น ชาวบ้านส่วนใหญ่พยายามอพยพหนีตายในเมืองไทยอย่างมากมายเพื่อนคนหนึ่งได้ชวนมาทำงานที่ไทย(ในขณะที่ซีอุยได้งานเป็นกรรมกรแบกหามสินค้าของบริษัทเดินเรือค้ากับต่างประเทศ แห่งหนึ่งในจีน) เพื่อนบอกว่า เมืองไทยมีงานทำหลายอย่างและรายได้ดีกว่ากรรมกรแบกหามในจีน ซีอุยเห็นดีเห็นชอบด้วย เพราะมันยังดีกว่าอดตายในแผ่นดินเกิด และเขานึกขึ้นได้ว่าเขามีญาติและคนรู้จักในเมืองไทยหลายคนสามารถพึ่งพา อาศัย หางานได้บ้าง จึงตกลงเดินทางหางานในเมืองไทย
ซีอุยเหยียบแผ่นดินไทยครั้งแรกที่ท่าเรือคลองเตยวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2489 ด้วยอายุเพียง 19 ปี เขาแอบแฝงมากับกลุ่มจับกัง ในเรือขนส่งสินค้าชื่อ "โคคิด" เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ ขณะที่เรือเทียบท่าส่งสินค้าที่คลองเตยซีอุยกับเพื่อนหลบหนีขึ้นฝังมาพักที่โรงแรมเทียนจิน ตรอกเทียนกัวเทียน จังหวัดพระนคร แต่หาญาติที่รู้จักกันไม่พบ ก่อนที่จะเดินทางไปที่ อ.ทับสะเก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปทำงานรับจ้างทำไร่ทำสวน เขาพักและทำงานหลาย ๆ ที่เปลี่ยน ไป ๆ มา ๆ จนเวลาผ่านไป 8 ปี ซีอุยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยด้วยการรับจ้างทำสวนกับนายไอ่ แซ่เล้า จากการทำงานหนัก ร่างกายของเขาทรุดลง จิตใจพะวักพะวนหงุดหงิด คำแนะนำของนักบวชชราจีนจึงผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้งหนึ่ง 
               เหยื่อรายแรก 
               10 เมษายนพ.ศ. 2497
   หนึ่งทุ่มเศษซีอุยออกมาเดินเล่นในตลาดทับสะเก ระหว่างทางเดินผ่านหน้าโรงสีของนายกิ่ว บรรยากาศเงียบเชียบ มีแต่เสียแมลงร้อง และ แสงไฟที่ข้างรั่วโรงสี จนกระทั้งซีอุยแลเห็น ด.ญ.บังอร บุตรสาว 8 ขวบ ของนายตำรวจผู้หนึ่งเดินสวนมา มือถือขันอยู่ 1 ใบ นุ่งผ้าถุงแดง ท่อนบนเปลือยเดินอย่างสบายอารมณ์ ซีอุยอดใจไว้ไม่ไหว เดินตามเด็กหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงปรี่เข้าไปอุ้มเด็กเอามือปิดจมูกปิดปาก กึ่งเดินกิ่งวิ่งเข้าไปในทางมืดข้างโรงสี
               เด็กหญิงโชคร้ายพยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่ไม่สามารถทานแรงของซีอุยได้ จนสิ้นสติไป ในที่สุดร่างของเธอถูกวางบนพื้นดินใกล้ลำคลองเล็ก ๆ ความเงียบสงบ 
               เหยื่อรายที่ 2
               วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2497
   เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 เดือน ทุกคนต่างลืมเรื่องราวของด.ญ.บังอร เสียสิ้น วันนี้ที่บริเวณลานกว้างที่ว่าการอำเภอทับสะแก ได้มีงานแต่งงานของนายมงคล สุดลาภา อดีตปลัดอำเภอทับสะแก งานจัดอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านทับสะแกเกือบทุกคน ต่างหอบลูกจูงหลานมาร่วมงานมงคล งานนี้เกือบหมดอำเภอ แต่ซีอุยไม่สนุกด้วย เขากำลังหาเหยื่อ ความหงุดหงิดงุ่มงามที่ฆ่าเหยื่อรายแรกครั้งแรกไม่ได้มันฝังลึกในจิตใจของเขา ความอ่อนเปลี้ยเพียงแรงได้กระตุ้นหาเหยื่ออีกครั้งในงานนี้ แน่นอน นอกจากผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน ยังมีลูกเด็กเล็กแดง ต่างตามพ่อแม่ ญาติพี่น้องมาวิ่งเล่นสนุกสนานอยู่หน้าเวทีลำวงบ้าง ตามทางเดินบ้าง ใครแยกออกจากกลุ่มนี้แหละเหยื่อของซีอุย
  จนกระทั้งสายตาจับต้องไปยังเด็กหญิงคนหนึ่ง ด.ญ.นิด แซ่ภู่ วัย 11 ขวบได้แยกตัวออกจากกลุ่ม กับน้องสาวเพื่อกลับบ้านเพราะง่วงนอน เธอกำลังกลับบ้านแต่ทางไปบ้านเธอนั้นอยู่หลังเวทีลำวงเป็นทางเปลี่ยวและมืดสนิท ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ ออกมาเพียง 200 เมตร ฝ่ามืออันหยาบกร้านตะปบปิดปากปิดจมูก หนูน้อยในทันที มันอุ้มร่างเด็กน้อย หายลับไปในรัตติกาลอันมืดมิด ทิ้งไว้แต่น้องสาวที่หวาดกลัวจนร้องไห้

2562 ให้โรงพยาบาลศิริราชปลดป้าย "มนุษย์กินคน " ที่ติดอยู่ใกล้กับร่างของซีอุย และนำร่างของนายซีอุยออกจากการจัดแสดง เพื่อคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับผู้เสียชีวิตรายนี้ ส่วนผู้ตั้งแคมเปญในเว็บไซต์ตังกล่าวก็ระบุว่า ซีอุย อาจไม่ใช่มนุษย์กินคนอย่างที่หลายคนเข้าใจหลังจากนั้นโรงพยาบาลศิริราชก็ปลดป้ายมนุษย์กินคนออก และยกย่องให้ซีอุยเป็น "อาจารย์ใหญ่" ทั้งยังประกาศตามหาญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีตามความเชื่อ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นญาติกลับไม่มีเอกสารที่ยืนยันตัวตนได้ จึงยังไม่ได้จัดงานฌาปนกิจ จนมีการพูดคุยกันของหน่วยงานต่างๆ และนำมาสู่การที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี จะเป็นผู้ดำเนินการฌาปนกิจในวันที่ 23 ก.ค 2563 
               เป็นเวลาหลายเดือนที่ซีอุยต้องตระเวนอยู่รอบอาณาจักรไทย ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ ระนอง ก่อนที่จะกลับมายังถิ่นเก่า อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อีกครั้ง และทำงานอยู่กลับนายเทียนเชีย แซ่ตั้ง แค่ 2 วัน มันก็เริ่มแผนอุบาทว์ขึ้นอีก เหยื่อรายที่ 3 
               วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2498
               หลังจากเลิกงานจากไร่ถั่ว ซีอุยเดินออกมาจากไร่ไปตามร่องสวน จนกระทั้งพบด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่ลี้ อายุ 7 ขวบ ลูกสาวนายหยิ่นฝาและนางซิ่ว กำลังเดินอยู่ข้างทางห่างออกไปประมาณ 50 เมตร 
               วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2498
   มีผู้พบศพของด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่ลี้ นอนตายอืดอยู่สวนห่างจากบ้านแค่ 300 เมตร เธอออกจากโรงเรียน แต่ไม่กลับบ้านเป็นเวลา 3 วัน สภาพศพเริ่มอืด เริ่มเน่าเฟะแทบจำไม่ได้ แต่สิ่งที่เหมือนกับศพแรก แม้ต่างท้องที่ ต่างอำเภอ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้ว่า ต้องเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกันแน่ การสืบสวนหาตัวฆาตกร จึงเริ่มต้นอย่างจริงจัง เพิ่มจำนวนคนมากขึ้น จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งสองอำเภอ ใช้เวลาไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามร้อยยอด สามารถจับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ถึง 2 คน คือนายเจือ เสียงเสนาะกับนายสนิท สังวาล์ยวงค์ เพื่อนบ้านใกล้ชิดของนายหยิ่นฝา อันเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบพบว่า มูลเหตุอาจมาจากทั้งสองกับนายหยิ่นฝาทะเลาะวิวาทเรื่องที่ดินและการทำสวนของทั้งสองฝ่าย รุนแรงถึงขั้นประกาศเอาชีวิตกัน แต่ทั้งสองมีพยานหลายปาก ยืนยันที่อยู่ของเขาทั้งสองในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปล่อยตัวอย่างช่วยไม่ได้ ชาวบ้านต้องหวาดผวาอีกครั้ง เพราะฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่ ไม่รู้ว่าลูกคนไหนจะถูกฆ่าอีก
               เหยื่อรายที่ 4 
               วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2498
               ซีอุยยังไม่ได้หนีไปยังจังหวัดไหน เขายังไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ และเขายังอยู่อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 
               ด.ญ.หงั่น อายุ 10 ขวบ ได้หายไปหลังจากดูลิเกที่เปิดวิกการแสดงอยู่ข้างบ้าน เธออุ้มน้องสาววัย 10 เดือนออกไปด้วย แต่ภายหลัง มีผู้พบทารกน้อย นอนร้องไห้จ้าอยู่ริมถนนที่ไม่ไกลจากโรงลิเกมากนัก วันรุ่งขึ้นก็พบศพตัวพี่สาวชั้น ป.3 อยู่ใกล้โรงเก็บน้ำมัน ของกรมทางหลวง ที่ตั้งอยู่ท้ายตลาด 3 ยอด 
            คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ นายทับ ฤาเผย รปภ.ของโรงเก็บน้ำมันมาสอบสวน เพราะเขาเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ในคืนนั้นมากที่สุด แต่ก็เช่นเคย ไม่มีอะไรในกอไผ่
ในขณะที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากมายจากกรมตำรวจ ต่างเดินทางประจวบคีรีขันธ์เพื่อคลี่คลายคดีนี้แต่ซีอุยมุ่งสวนทางไปกรุงเทพอีกครั้ง ไปสร้างตำนานสะท้านกรุงต่อไป
   เหยื่อรายที่ 5 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498
               กรุงเทพสมัยนั้นยังร้างไร้ผู้คน
               วันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่เหมือนวันเดิมเพราะว่าเป็นวันตรุษจีน ทุกคนมีความสุขในวาระเฉลิมฉลอง ซีอุยเดินออกจากที่พักที่ทำงานของนายอิ่วไฉ่ แซ่อึ้ง นายจ้างร้านเหล้า ทุ่มเศษ ๆ เดินไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั้งมาหยุดที่ โรงงิ้ว วัดปทุมวนาราม
               ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง หนูน้อยวัย 4 ขวบ 
   บุตรสาวของนายกิมบั๊ก พ่อค้าเหล็กย่านถนนมิตรไมตรี คือเหยื่อรายที่ 5 เธอชะตาขาดเพราะพลัดหลงกับแม่ตอนดูงิ้วที่วัด ในที่สุด มันตัดสินใจอุ้มเด็กเคราะห์ร้ายไว้ในอ้อมแขน ใช้มือ อุด ปาก อุดจมูก ใช้ความมิดเป็นเกราะกำบังตัว มันวิ่ง........วิ่ง เหนื่อยแทบขาดใจ จนถึงทางรถไฟสถานีรถไฟจิตรลดา
               ศพของหนูน้อยชะตาขาดถูกทิ้งอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ และวันต่อมาข่าวนี้สร้างความโกลาหลและสะท้อนกรุงยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง แม้แต่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมกรมตำรวจยุคนั้นออกคำสั่งด่วนให้ตามล่าฆาตกรรายนี้ให้จงได้
               แต่ไม่มีใครจับซีอุยได้ เพราะมันใช้ชีวิตแบบนกขมิ้น ที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มันจากกรุงเทพฯ ไปทำงานหลายจังหวัด ไม่ว่าลำพูน ธนบุรี เข้ากรุงเทพ ไประยอง ฯลฯ
               เหยื่อรายที่ 6
   6 กุมภาพันธ์ 2500 ที่ประจวบคีรีขันธ์ พระปฐมเจดีย์วันตรุษจีน วันนี้มีงิ้วบนลานกว้างองค์พระปฐมเจดีย์ และเต็มไปด้วยฝูงคนมาชมเที่ยวงานห่างจากโรงงิ้วไม่มากนัก ซีอุยล่อลวง ด.ญ.ซิวจู แซตั้ง อายุ 5 ขวบ ที่หลงมากับแม่ด้วยขนมแป๊ะก๊วยเมื่อกินเสร็จ มันพาหนูน้อยชะตาขาดไปลานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งมีต้นจามจุรี 1 ต้น 
   ครั้งนั้นตำรวจที่รับผิดชอบเวลานั้น เร่งติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วนและได้จับกุม นายไสว ปิ่นสินชัย คนขายเนื้อในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ช่วย ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 3 นครปฐม โดยมีหลักฐานเป็นมีดเปื้อนเลือด ไฟฉาย และเกี๊ยะ ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นของนายไสว กว่าจะรู้ว่าจับผิดตัวนายไสวจำคุกนานถึง 1 ปีเต็ม 
               แน่นอนหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ ได้เสนอข่าวนี้อย่างครึกโครม ซีอุยทนกระแสกดดันไม่ไหว จึงรีบหลบหนีไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกลับมายังนครปฐม มันเร่รอนไปทั่วทุกแห่งในประเทศไทย พร้อมฟังข่าวว่ามีเรือกลับเมืองจีนหรือไม่
               เขาฝันอยากกลับบ้านเกิดมาตั้งนานแล้ว
               เมื่อไม่มีเรือกลับ ซีอุยจึงมาเป็นลูกจ้างทำสวนผักของนายอิ๋ดเจียก แซ่อึ้ง ที่ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และที่นี้เองคือที่สุดท้ายที่มันจะก่อกรรมทำเข็ญ 
               เหยื่อรายที่ 7 รายสุดท้าย
               27 มกราคม พ.ศ. 2501 
               นี้เป็นข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ของซีอุย เพราะเขาตั้งใจที่จะสังหารเหยื่อที่เป็นเด็กชายคนแรกแทนที่จะเป็นผู้หญิงและเป็นคนที่เขารู้จัก ในเวลานั้นประมาณ 15.00 ซีอุยยังทำงานที่สวนของนายเฉลียว ขุดดินปลูกผักอยู่ในไร่ ทันใดนั้นเหยื่อสุดท้ายของเขาก็มาหา
               ด.ช.สมบุญ บุตรนาวา บุญยกาญจน์
               สองรู้จักกันมานานแล้ว ในฐานะลูกค้าซื้อผักประจำ แต่ซีอุยทนแรงยั่วยวนไม่ไหว มันหาจังหวะที่จะฆ่ามานานแล้ว และวันนี้เป็นวันที่เหมาะสมอย่างยิ่ง และลงมือฆ่า
               แต่ครั้งนี้มันแตกต่างกับเหยื่อรายอื่น ๆ ที่มันจัดการ มันคิด หากมีผู้พบเห็นศพมันจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน เพราะพ่อแม่เด็กนั้นต้องรู้ดีว่าได้ใช้ลูกของต้นมาซื้อผักที่สวนนี้
   มันจึงตัดสินใจกลับไปที่สวนยางพาราอีกครั้ง มันทำการกำจัดศพ มันใช้ไฟเผา ชั่วพริบตาเดียวไฟก็ลุกลามไปเศษไม้ใบแห้งจนลามติดเนื้อหนังมังสาของเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย ห่างจากตำบลเนินพระไปเล็กน้อย นายนาวา บุณยกาญจน์ พ่อของเด็กชายสมบุตร และนายเสงี่ยม ม่วงแสง เพื่อนบ้าน กำลังออกตามหาลูกชาย เพราะเป็นห่วงว่าให้ไปซื้อผักที่เนินพระและไม่กลับมา ซึ่งตอนแรกทั้งสองคนพากันเดินทั่วบริเวณสวนผัก มันคงถึงคราวชะตาขาดของซีอุย ที่มันก่อกรรมทำเข็นไว้มาก นายนาวาและนายเสงี่ยมได้ตรงไปที่ซีอุยใช้เป็นที่กำจัดหลักฐาน(ศพ) ทั้งสองเฝ้ามองพฤติกรรมที่น่าสงสัยของซีอุย และเขาก็อุทานอย่างไม่เป็นภาษาคน เมื่อเห็นวัตถุอย่างหนึ่งโผล่ออกจากกองไฟ
               มันเป็นขาคน ขาของเด็กชายสมบุตร
               ไฟยังไม่ติดหมดทั่วร่าง สภาพยังเห็นศพเด็กน้อยครบสมบูรณ์อยู่ นายนาวาไม่รอช้าปราดไปเขี่ยกองไฟแล้วอุ้มร่างไร้วิญญาณของลูกรักไว้แนบอก ดวงตาและสีหน้าโกรธแค้น
นายนาวาคำรามดุดัน วางศพลูกชายลงกลับพื้นโผเข้าใส่ซีอุยอย่างบ้าคลั่ง
   ซีอุยไม่ได้ต่อสู้เพราะตัวมันไม่มีอาวุธอะไรเลย มันยอมให้นายนาวาและนายเสงี่ยมจับมัดไว้ที่เสาบริเวณบ่อน้ำของสวนผัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา 2 ชั่วโมง และเก็บหลักฐาน หัวใจและตับที่ซ่อนในตู้กับข้าว
               ซีอุยให้การรับสารภาพในสิ่งที่มันทำทั้งหมด
               การตัดสินของศาล
               ซีอุยขึ้นศาลชั้นต้นในจังหวัดระยอง ซึ่งตอนแรกเป็นการสืบคดีเด็กชายสมบุญก่อน แล้วจึงเล่าว่าได้ก่อคดีแบบนี้ที่จังหวัดอื่นหลายแห่ง มากถึง 6 ศพ ตามกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 289ไม่พ้นโทษประหารแน่
               แต่จำเลยรับสารภาพหมดทุกข้อกล่าวหา และให้คำสัตย์จริงตั้งแต่ต้น เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ศาลจึงลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิตแทน
               ซีอุยยิ้มไม่หุบเพราะมันรอดตาย
 แต่อัยการ นายสุเมธ กาญจนอักษร ไม่คิดเช่นนั้น เนื่องจากสังคมไม่ยอมรับและไม่ให้อภัยการกระทำที่ซีอุยทำไว้ ความรู้สึกประชาชนและความหวาดระแวงต่าง ๆ ก็ยังเกิดขึ้น ถ้าฆาตกรกินคนยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาล ฐานฆ่าคนโดยไต่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย ต่อสู้คดีจนถึงบทสรุปที่ศาลอุทธรณ์
               ต้องประหารชีวิตสถานเดียว
               ส่วนที่ศาลชั้นต้นลดโทษ เพราะจำเลยรับสารภาพ แต่ที่ทำเพราะมีพยานและหลักฐานแน่นหนา เมื่อมีหลักฐานจำเลย(ซีอุย)ก็ไม่จำเป็นที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะลดโทษอีก
               ซีอุยเมื่อฟังคำตัดสิน ถึงกับเป็นลมกลางอากาศ ล้มผลึ่งกลางศาลลงนอนกลับพื้น ภายหลังเครียดจัดถึงกับอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างรุนแรง 4 ครั้ง
              ในระหว่างรอการประหาร ซีอุย แซ่อึ้ง ถูกส่งตัวขังเดี่ยวที่เรือนจำบางขวางจังหวัดนนบุรี และเกือบตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยช้อนสังกะสีสำหรับตักข้าวกิน แต่ผู้คุมมาเห็นก่อน
วันประหารของซีอุยถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
               จุดจบ 17 กันยายน 2502 ที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนบุรี ปัง ๆๆๆๆๆๆ 
               เสียงปืนดังลั่นที่ลานประหาร
               สิ้นสุดเสียงดัง พอควันจาง ก็ปรากฏร่างชายชาวจีนผู้หนึ่งรูปร่างสมส่วนคนหนึ่ง เลือดอาบทั่วร่างกาย ลมหายใจแห่งชีวิตหมดลง 
               ไม่รู้ว่าเขาตายแล้ววิญญาณจะไปไหน
               อาจเป็นแผ่นดินเกิดที่ ๆ ที่เขาอาจกลับไปตลอดชีวิตหลังพลัดถิ่น หรืออาจเป็นนรกอเวจีที่ ๆ ที่เขาต้องไปชดใช้กรรมอย่างไม่สิ้นสุด…
   หลาย ๆ คนอาจเคยไป พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลศิริราช ชั้น 2 สิ่งที่สะดุดตาสำหรับการมาครั้งแรก มันไม่ใช้เครื่องมือแพทย์หรืออวัยวะดอง แต่มันคือโครงร่างของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่ ร่างกายแห้งเหี่ยว เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก โครงหลังบิดเบี้ยว ที่ถูกดองเก็บไว้อย่างดี เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษามันเป็นโครงร่างมนุษย์ร่างเดียว ในประเทศไทย ที่เป็นอาชญากรของแผ่นดิน ที่เลื่องลือกล่าวขานกันเนิ่นนานและเป็นตำนานที่ไม่ลืมเลือน….
   แต่บางคนก็ซีอุยเป็นแพะคาดว่าตกเป็นจำเลยสังคม เพราะหนังสือพิมพ์ในยุคนั้นเผยแพร่ข่าวลือโดยขาดการกลั่นกรอง ญาติของผู้ตาย คนในพื้นที่และนายจ้างของซีอุย ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นคนทำและซีอุยถูกหว่านล้อมให้สารภาพ โดยหลอกว่าจบคดีแล้วจะส่งกลับบ้านที่เมืองจีน… 
 ขอบคุณภาพและเรื่องราวจาก🎥🎬: Pantip,BBC,thaipbs
 เรียบเรียง✍🏻:ChatGPT (พี่อัย),เสียงจากอดีต คดีดัง
- ตุลาคม 02, 2568
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
Labels: สารคดี.ฆาตกรร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก
สมัครสมาชิก: ส่งความคิดเห็น (Atom)

Wikipedia

ผลการค้นหา

  • ส้มหล่น 🛰 YOUTUBE

สารคดี ชุด

สารคดี ชุด
ที่แสนอันตราย ปากีสถาน ความลับแห่งเอเชีย

หุบเขากษัตริย์ เป็นหุบเขาในประเทศอียิปต์ เป็นหลุมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรใหม่. หุบเขาตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีปส์ ตั้งอยู่ใจกลางของธีบันเนโครโปลิส



พระพุทธศาสนาในสาธารณรัฐเกาหลี: ประวัติศาสตร์ พัฒนาการ

รายการบล็อกของฉัน

  • Auto correct
    38/มหาภารตะ ตอนที่ - การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างราวันาและพระราม: การเผชิญหน้าครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างอสูรกายและฝูงลิง
    5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คลังบทความของบล็อก

  • กันยายน (19)
  • ตุลาคม (31)
  • พฤศจิกายน (2)
  • ธันวาคม (27)

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

  • Mount Lyell shrew ( スピリット、飛行マウント )
  • Royaume deCai Hangameishin ère HanTokawa / ቴሌማ ጥበቃ
  • ดีโอ Eşek Arısının Süper Ruhu
  • 速い動き、自動計算

หน้าเว็บ

  • หน้าแรก
  • ภาพยนตร์ / ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 - 6
  • Elvis Presley มีชื่อจริงว่า เอลวิส แอรอน เพรสลีย์
  • ▲ “ตูตันคาเมน” Tutankhamun Amenhotep IV
  • Chocolate (2008) ช็อคโกแลต
  • 🐉 “บุญ” ให้ผลเป็นสุข ถ้าการกระทำนั้น ไม่ดีหรือชั่ว เป็นกรรมชั่ว ก็เรียกว่า “อกุศลกรรม” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “บาป” ให้ผลเป็นทุกข์เพราะฉะนั้น บุญก็คือกรรมดีนั่นเอง ส่วนบาปคือกรรมชั่ว “Merit” de mek pɔsin gɛt gladi-at. If di akshɔn nɔ gud ɔ bad, dɛn kin kɔl am “bad karma” ɔ ɔda nem na “sin”. I de gi rizulyt fɔ sɔfa. So, merit na gud karma, we sin na bad karma.
  • ▲ ซุนหงอคง [孙悟空] ตัวละครหลักในนิยายคลาสสิกจีนเรื่อง journey to the west novel
  • ▲ ต้นผลไม้โสม 人参果树 (ต้นไม้ผลไม้มหัศจรรย์จากเรื่อง Journey to the West "การเดินทางสู่ตะวันตก")
  • ▲ ตือโป๊ยก่าย 猪八戒的概述图 Zhu Bajie หรือที่รู้จักกันในชื่อ Zhu Ganglie และ Zhu Wuneng เป็นตัวละครใน นวนิยายคลาสสิกเรื่อง " Journey to the West "
  • พระพุทธประวัติ
  • ▲ ซัวเจ๋ง 沙悟净 ตัวละครในนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Journey to the West
  • ▲ ม้ามังกรขาว 白龙马 ตัวละครในนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Journey to the West
  • ▲ หงไหเอ๋อร์ (เด็กแดง) 红孩儿 ตัวละครในนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Journey to the West
  • ▲ 3 นักพรตปีศาจ [ 羊力大仙 ] [ 鹿力大仙 ] [ 虎力大仙 ] ตัวละครในนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Journey to the West
  • ▲ ปีศาจกระดูกขาว 白骨精 ตัวละครในนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Journey to the West

แดนสุขาวดี

แดนสุขาวดี
PDF: แตะที่รูปภาพ - อ่าน

ตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ดาบเหล็กน้ำพี้

ตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ดาบเหล็กน้ำพี้


เรียบง่าย ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.