วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

พนอ พ.ศ. 2568 ‧ 2 ชม. 5 นาที Art of the Devil Beginning (2025)

🦅 เรื่องราวของเด็กสาวที่เกิดในวันแห่งโชคชะตา เมื่อพิธีกรรมในหมู่บ้านได้ปลดปล่อยคำสาปลึกลับออกมา ปานอร์ถูกคนในชุมชนเกรงกลัวและรังเกียจ จึงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บอกเหตุแห่งความโชคร้าย ผู้คนที่อยู่ใกล้ชิดกับเธอมักตกเป็นเหยื่อของมนตร์ดำอันชั่วร้าย  ปานอร์ได้ค้นพบความจริงอันดำมืดโดยบังเอิญ: คำสาปอันทรงพลังถูกสาปใส่เธอตั้งแต่เกิด ทำให้เธอต้องถูกจองจำอยู่กับชีวิตที่ทรมานเหนือธรรมชาติ แต่ชะตากรรมอันชั่วร้ายที่ติดตามเธอมาตั้งแต่แรกเกิดนั้น คืออะไรกันแน่? ผู้กำกับ: พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว เขียนบท พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว นักแสดงนำ    เฌอปราง อารีย์กุล
 บริษัทผู้สร้าง ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น
เพลงประกอบ
  • "ตายตาหลับ" ขับร้องโดย พิมพ์มาดา ใจสักเสริญ (พิมมา พิกซี่)     "ฝั่งหัวใจ" ขับร้องโดย บุษยา รังสี

 ในช่วง ต้นทศวรรษ 2000 หนึ่งในภาพยนตร์สำคัญที่จุดประกายให้ภาพยนตร์สยองขวัญของไทยกลับมาอีกครั้งคือซีรีส์สุดสยอง “Art of the Devil” ภาพยนตร์เรื่องนี้โจมตีประสาทสัมผัสอย่างเต็มกำลัง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องราวเวทมนตร์ดำของฮ่องกงในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 อย่างชัดเจน ด้วยการถ่ายทอดภาพกราฟิกของเวทมนตร์และการทรมานเหนือธรรมชาติ ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมากให้กับผู้ชมชาวฮ่องกง ผลกระทบดังกล่าวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อทีมผู้สร้างภาพยนตร์ Ronin Team เข้ามารับหน้าที่สร้างภาคสองและสาม ซึ่งสะท้อนถึงการเกิดขึ้นของเสียงใหม่ๆ ในวงการภาพยนตร์แนวนี้ของไทย
  ในขณะที่ Konkiat Komsiri กลายเป็นชื่อที่โด่งดังที่สุดจากทีม ก็มีสมาชิกอีกคนคือ Putipong Saisikaew กลับมารับหน้าที่กำกับอีกครั้งพร้อมกับผลงานรีบูตแบบหลวมๆ เรื่องนี้ ซึ่งตอนนี้ใช้ชื่อสั้นๆ ว่า "Panor" ปานอ บุญสุข (เฌอปราง อารีย์กุล) เกิดในวันอันมืดมนของหมู่บ้าน เธอกลายเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์แปลกประหลาดและรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าคำสาปมนตร์ดำอันทรงพลังได้ถูกปลดปล่อยออกมา เธอถูกมองว่าเป็นลางร้ายและถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุของความโชคร้ายทุกครั้ง เธอเติบโตมาในฐานะคนนอกคอก เพราะใครก็ตามที่คบหากับเธอมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของความสยองขวัญที่ไม่อาจอธิบายได้
  ขณะที่ปานอเริ่มค้นพบต้นตอของความทุกข์ทรมานตลอดชีวิต เธอตระหนักว่ามีบางสิ่งที่มืดมิดคอยตามหลอกหลอนเธอมาตั้งแต่เกิด หลังจากการสูญเสียอันน่าเศร้าหลายครั้ง รวมถึงนวล บุญสุข (ชลิตา สวนเสน) ผู้เป็นแม่ และเปี๊ยก (จักริน กังวานเกียรติชัย) เพื่อนของเธอ เธอจึงออกเดินทางเพื่อค้นหาความจริงและยุติคำสาป
  โดยส่วนใหญ่แล้ว “พนอ” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นผลงานที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพในแนวสยองขวัญไทย บทภาพยนตร์ที่เขียนโดยพีรศักดิ์ ศักดิ์ศิริ, ณัฐพจน์ พจนาถ และ ณัฐมล แพถนอม ได้วางรากฐานที่มั่นคงด้วยเรื่องราวอันน่าติดตามเกี่ยวกับสายเลือดอันต้องคำสาปของพนอ ความเชื่อที่หยั่งรากลึกของชาวบ้านในเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นมีน้ำหนักผ่านสัญลักษณ์และสัญลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัว 
 เช่น การสังหารหมู่กาที่รวมตัวกันตั้งแต่เธอเกิด ซึ่งเป็นภาพที่ทรงพลังที่ยึดเหนี่ยวความเชื่อนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ตามมาด้วยเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวมากมาย ทั้งการเสียชีวิตอย่างรุนแรงผิดธรรมชาติ ชะตากรรมอันเลวร้ายของเพื่อนฝูง และรัศมีแห่งความหวาดกลัวที่โอบล้อมเธอ ทั้งหมดนี้ตอกย้ำความคิดที่ว่ามีบางสิ่งที่มืดมิดกำลังคุกคามเธออยู่
 เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำตำนานคำสาปเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้งต่อปานอร์อีกด้วย การที่เธอถูกแยกตัวจากเพื่อนร่วมชั้น ความสงสัยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของชาวบ้าน และการขาดความช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจ ก่อให้เกิดตัวละครที่มีแรงจูงใจที่ชัดเจนและมีเหตุผล ทำให้เธอเข้าใจได้ง่ายถึงความจำเป็นในการไขปริศนาที่อยู่เบื้องหลังชีวิตของเธอและเผชิญหน้ากับผู้ที่ต้องรับผิดชอบ
 เรื่องราวค่อยๆ ขยายความไปสู่การเปิดเผยที่กว้างขวางยิ่งขึ้น เมื่อเห็นได้ชัดว่าพลังมืดกำลังควบคุมเหตุการณ์รอบตัวเธอ เรื่องราวจึงเปลี่ยนไปสู่การเปิดเผยตัวตนของผู้ฝึกเวทมนตร์ดำผู้โหดร้าย เรื่องราวที่เข้มข้นขึ้นนี้เป็นการปูทางไปสู่การเผชิญหน้าอันเข้มข้น ครึ่งหลังของ “Panor” เน้นหนักไปที่การประลองเหนือธรรมชาติ ซึ่งความทุกข์ทรมานของ Panor แปรเปลี่ยนเป็นพลัง เธอไม่เพียงแต่เริ่มต้นเส้นทางแห่งการแก้แค้นผู้ที่ทรมานเธอเท่านั้น แต่เธอยังดึงดูดความสนใจของศัตรูตัวจริงอีกด้วย เรื่องราวเหล่านี้นำไปสู่ตอนจบที่เข้มข้น ความจริงเบื้องหลังคำสาปและแรงจูงใจของศัตรูที่ซ่อนเร้นถูกเปิดเผยในที่สุดระหว่างพิธีกรรมอันน่าตื่นเต้นที่มุ่งหมายจะทำลายคาถาและช่วยเหลือหมู่บ้าน
 อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นทั้งหมด จุดอ่อนอย่างหนึ่งอยู่ที่การที่พานอร์พัฒนาพลังเวทมนตร์ดำของเธอเอง การเปลี่ยนผ่านจากเหยื่อคำสาปไปเป็นผู้ฝึกหัดนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและขาดการฝึกฝนที่จำเป็น ทำให้การเปลี่ยนแปลงของเธอดูไม่สมเหตุผล การปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของวิสัยทัศน์และทักษะเหนือธรรมชาติ โดยปราศจากการฝึกฝนหรือคำอธิบายที่เหมาะสม บั่นทอนโครงเรื่องที่สร้างขึ้นมาอย่างรอบคอบ
 อย่างไรก็ตาม แง่มุมทางภาพและความคิดสร้างสรรค์ของฉากเหนือธรรมชาติยังคงโดดเด่น ตั้งแต่ฉากแรกๆ ที่ตัวละครเลือดออกจากรูต่างๆ และสัตว์โผล่ออกมาจากร่างกายอย่างน่าสยดสยอง ไปจนถึงคำสาปที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น เส้นเลือดที่ขยายใหญ่ขึ้น การทำร้ายตัวเองอย่างควบคุมไม่ได้ หรือการถูกบังคับให้กระทำความรุนแรง ภาพเหล่านี้ล้วนเปี่ยมไปด้วยจินตนาการและน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ฉากเหล่านี้เสริมด้วยเอฟเฟกต์ที่หนักแน่นซึ่งช่วยเสริมบรรยากาศอันน่าสยดสยอง มอบความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ที่แฟนหนังสยองขวัญไทยจะต้องประทับใจ
 ด้วยเนื้อเรื่องที่สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน เน้นที่ตัวเอกที่น่าเห็นใจ และฉากมนตร์ดำอันเปี่ยมจินตนาการมากมาย “Panor” จึงกลายเป็นส่วนเสริมที่น่าติดตามอย่างยิ่งในวงการสยองขวัญของไทย ในฐานะบทใหม่ในแฟรนไชส์ที่มีเรื่องราวมากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงอยู่และดำเนินไปได้ด้วยดีในแบบของตัวเอง ผู้ชมที่ชื่นชอบความสยองขวัญเหนือธรรมชาติที่แฝงไปด้วยตำนานพื้นบ้านและฉากอันน่าสะพรึงกลัวจะได้พบกับเรื่องราวมากมายที่น่าประทับใจในเรื่องนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น