หน้าเว็บ

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒.


มหานิบาตชาดก พระเจ้าสิบชาติ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒.
      ๕. มโหสถชาดก         อรรถกถา   [ ๑ ]  [ ๒ ]  [ ๓ ]  [ ๔ ]  [ ๕ ]  [ ๖ ]  [ ๗ ]  [ ๘ ]  [ ๙ ]  [ ๑๐ ]  [ ๑๑ ]  [ ๑๒ ]
      ๖. ภูริทัตชาด   อรรถกถา   [๑.๒.๓.]  [๔.๕. ]
 พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒.
ปัญญาสนิบาตชาดก
 ๓. มหาโพธิชาดก       อรรถกถา 
[ ๑ ] [ ๒ ] 
สัฏฐินิบาตชาดก
สัตตตินิบาตชาดก
๑. กุสชาดก                อรรถกถา 
 [ ๑ ]  [ ๒ ]  [ ๓ ]  
อสีตินิบาตชาดก
๒.มหาหังสชาดก        อรรถกถา [ ๑ ] [ ๒ ] [ ๓ ] 
๓. สุธาโภชนชาดก     อรรถกถา 
 [ ๑ ]  [ ๒ ]  
๔. กุณาลชาดก            อรรถกถา 
  [ ๑ ] [ ๒ ] [ ๓ ] [ ๔ ] 
 
ปัญญาสชาดก ชาดกนอกนิบาตหรือนอกพระไตรปิฎก ที่มีความสำคัญต่อวรรณคดี จิตกรรมฝาผนัง และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า
ปัญญาสชาดก เป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาที่พระเถระนักปราชญ์ชาวเชียงใหม่  ได้แต่งขึ้นมาใหม่ระหว่าง พ.ศ. 2000 –  โดยเลียนแบบชาดกในพระไตรปิฎก แต่งเป็นภาษาบาลี จึงถูกเรียกว่า ชาดกนอกพระไตรปิฎก มีจำนวนทั้งสิ้น 61 เรื่อง ไม่ตรงกับชื่อของชาดก
ที่ว่า ปัญญาสชาดก ที่หมายถึง ชาดก 50 เรื่อง มีองค์ประกอบของชาดกเช่นเดียวกับของเดิม เพียงแต่ไม่มีไวยากรณะ ปัญญาสชาดกไม่ได้รับการยอมรับเท่ากับ ชาดกในพระไตรปิฎกเพราะพุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นการปลอมพระพุทธวัจนะ และการถ่ายทอดเรื่องราว
ของ ปัญญาสชาดกส่วนใหญ่เป็นมุขปาฐะ ตลอดจนการพลัดพรากของคู่พระนาง ปัญญาสชาดกมีอิทธิพลต่อภาพจิตรกรรมฝาผนังของไทย และเป็นบ่อเกิดของวรรณกรรมร้อยกรองเรื่องสำคัญๆ ของไทยหลายเรื่อง ได้แก่ จันทคาธชาดก ทุกัมมานิกชาดก เทวันธชาดก ปาจิตตกุมารชาดก รถเสนชาดก วนาวนชาดก วรนุชชาดก วรวงสชาดก สรรพสิทธิชาดก
 สมุททโฆสสชาดก สังขปัตตชาดก สิทธิสารชาดก สิริวิบุลกิตติ์ชาดก สิโสรชาดก สุภมิตตชาดก สุธนชาดก สุวรรณวงศชาดก สุวรรณสังขชาดก สุวรรณสิรสาชาดก โดยเรื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ รถเสนชาดก นรชีวชาดก สุรูปชาดก มหาปทุมชาดก ภัณฑาคารชาดก
 พหลาคาวีชาดก เสตบัณฑิตชาดก บุปผชาดก พาราณสิราชชาดก พรหมโฆสราชชาดก เทวรุกขกุมารชาดก สลภชาดก สิทธิสารชาดก นรชีวกฐินชาดก อติเทวราชชาดก ปาจิตตกุมารชาดก สรรพสิทธิชาดก สังขปัตตชาดก จันทเสนชาดก สุวรรณกัจฉปชาดก สีโสรชาดก วรวงสชาดก อรินทมชาดก รถเสนชาดก สุวรรณสิรสาชาดก วนาวนชาดก พากุลชาดก โสนันทชาดก สีหนาทชาดก สุวรรณสังขชาดก สุรัพภชาดก สุวรรณกัจฉปชาดก เทวันธชาดก สุบิน  ชาดก สุวรรณวงชาดก วรนุชชาดก สิรสาชาดก จันทคาธชาดก
   ชาดกเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญทศบาร  มีอันได้แก่  ทาน  ศีล  เนกขัมมะปัญญา  วิริยะ  ขันติ  สัจจะ  อธิษฐาน  เมตตา  และอุเบกขา  ชาดกมีทั้งหมด  547  ชาติ  ชาดกเป็นส่วนหนึ่งของ พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร  ขุททกนิกาย
 ลำดับที่ 10  คือ  ชาดกเป็นพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าทรงยกมาเพื่อเทศนาพุทธบริษัท พระพุทธเจ้าทรงใช้นิทานเพื่สั่งสอน  เป็นเพราะอัธยาศัยและปัญญาของมนุษย์มีหลายระดับ  การเทศนาด้วยหัวข้อธรรมะโดยตรง  ผู้ฟังอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ การใช้นิทานเป็นเครื่องมือสั่งสอนโดยวิธีการเปรียบเทียบจะเอื้อประโยชน์ได้มากกว่า ทั้งยังมีความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ นิทานที่พระพุทธเจ้าทรงเล่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในอดีต นิทานชาวบ้าน นิทานสุภาษิต และใช้กรรมวิธีสอนสองประการคือ ทรงแทรกบทบาทพระโพธิสัตว์เข้าไปในเรื่อง มีการเปลี่ยนบทบาทของบุคคลสำคัญ เช่น พระราชา นักบวช เทวดา ฤาษี หรือสัตว์ต่างๆ ให้มาเป็นพระโพธิสัตว์ที่ลงมาบำเพ็ญบารมี และมีการแทรกเรื่องการเวียนว่ายในสังสารวัฏ บุคคลสำคัญในเรื่องก็จะมาเกิดเป็นพระพุทธองค์ ส่วนบุคคลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามก็จะมาเกิดเป็นพระเทวทัต หรือนางจิญจมานวิกา ผู้ขัดขวางหรือปองร้ายพระพุทธองค์
องค์ประกอบของชาดก คือ
      ปัจุบันวัตถุ  เป็นเรื่องราวในปัจจุบัน หมายถึงช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงดำรงพระชนม์อยู่ ซึ่งเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าทรงยกชาดกหรือเรื่องราวในอดีตมาแสดงแก่พุทธบริษัท
      อดีตวัตถุ  เป็นเรื่องราวในอดีตของพระพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญบารมี หรือเรียกสั้นๆ ว่าชาดก ซึ่งแปลว่าเรื่องในอดีต
      คาถา เป็นร้อยกรอง กล่าวแสดงสุภาษิตหรือธรรมะ คาถาเป็นองค์ประกอบของชาดกที่มีอายุเก่าที่สุดและมีความไพเราะ
ไวยากรณะ เป็นการอธิบายศัพท์ต่างๆ
      สโมธาน หรือประชุมชาดก เป็นการแสดงความสัมพันธ์ของบุคคลในอดีตเชื่อมโยงกับในสมัยพุทธกาล ฝ่ายธรรมะจะมาเป็นพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน และพระสาวกอื่นๆ ส่วนฝ่ายอธรรมะคือบุคคลที่มุ่งร้ายต่อพระพุทธเจ้า
ความย่อ ชาดก ทั้ง ๑๐ เรื่อง
๑. เตมียชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี คือการออกบวชหรือออกจากกาม    เล่าเรื่องเตมียราชกุมาร เกรงการที่จะได้ครองราชสมบัติ เพราะทรงสลดพระหฤทัยที่เห็นราชบุรษลงโทษโจรตามพระราชดำรัสของพระราชา เช่น เฆี่ยนพันครั้งบ้าง เอาหอกแทงบ้าง เอาหลาวเสียบบ้าง จึงใช้วิธีแสร้งทำเป็นง่อยเปลี้ย หูหนวก เป็นใบ้ไม่พูดจากับใคร แม้จะถูกทดลองต่าง ๆ ก็อดกลั้นไว้ ไม่ยอมแสดงอาการพิรุธให้ปรากฏ ทั้งนี้เพื่อจะเลี่ยงการครองราชสมบัติ พระราชาปรึกษาพวกพรากมณ์ ก็ได้รับคำแนะนำใหนำราชกุมารไปฝังเสีย.
      พระราชมารดาทรงคัดค้านไม่สำเร็จ ก็ทูลขอให้พระราชกุมารครองราชสัก ๗ วัน แต่พระราชกุมารก็ไม่ยอมพูด ต่อเมื่อ ๗ วันแล้ว สารถีนำราชกุมารขึ้นสู่รถเพื่อจะฝังตามรับสั่งพระราชา ขณะที่ขุดหลุ่มอยู่พระราชกุมารก็เสด็จลงจากรถ ตรัสปราศัยกับนายสารถี แจ้งความจริงให้ทราบว่า มีพระประสงค์จะออกบวชสารถีเลื่อมใสในคำสอนขอออกบวชด้วย จึงตรัสให้นำรถกลับไปคืนก่อน สารถีนำความไปเล่าถวายพระราชมารดา พระราชบิดาให้ทรงทราบ. 
      ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยอำมาตย์ราชบริพารจึงได้เสด็จออกไปหา เชิญให้พระราชกุมารเสด็จกลับไปครองราชสมบัติ แต่พระราชกุมารกลับถวายหลักธรรมให้ยินดีในเนกขัมมะ คือการออกจากกาม. พระชนกชนนีพร้อมด้วยบริวารทรงเลื่อมใสในคำสอน ก็เสด็จออกผนวชและบวชตาม. และได้มีพระราชาอื่นอีกเป็นอันมากสดับพระราชโอวาทขอออกผนวชตาม.
๒. มหาชนกชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญวิริยบารมี    คือความพากเพียร ใจความสำคัญ คือพระมหาชนกราชกุมารเดินทางไปทางทะเล เรือแตก คนทั้งหลายจมน้ำตายบ้าง เป็นเหยี่อของสัตว์น้ำบ้าง แต่ไม่ทรงละความอุตสาหะ ทรงว่ายน้ำโดยกำหนดทิศทางแห่งกรุงมิถิลา ในที่สุดก็ได้รอดชีวิตกลับไปถึงกรุงมิถิลาได้ครองราชสมบัติ. ชาดกเรื่องนี้เป็นที่มาแห่งภาษิตที่ว่า เป็นชายควรเพียรร่ำไป อย่างเบื่อหน่าย ( ความเพียร ) เสีย, เราเห็นตัวเองเป็นได้อย่างที่ปรารถนา, ขึ้นจากน้ำมาสู่บกได้.
๓. สุวรรณสามชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเมตตาบารมี คือการแผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทั่วหน้า    มีเรื่องเล่าว่า สุวรรณสามเลี้ยงมารดาบิดาของตนซึ่งเสียจักษุในป่า และเนื่องจากเป็นผู้มีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น หมู่เนื้อก็เดินตามแวดล้อมไปในที่ต่าง ๆ วันหนึ่งถูกพระเจ้ากรุงพาราณสี ชื่อปิลยักษ์ยิงเอาด้วยธนูด้วยเข้าพระทัยผิด ภายหลังเมื่อทราบว่าเป็นมาณพผู้เลี้ยงมารดาบิดา ก็สลดพระทัย จึงไปจูงมารดาบิดาของสุวรรณสามมา.
  มารดาบิดาของสุวรรณสามก็ตั้งสัจจกิริยา อ้างคุณความดีของสุวรรณสามขอให้พิษของศรหมดไป สุวรรณสามก็ฟื้นคืนสติ และได้สอนพระราชา แสดงคติธรรมว่า ผู้ใดเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม แม้เทวดาก็ย่อมรักษาผู้นั้น ย่อมมีคนสรรเสริญในโลกนี้ ละโลกนี้ไปแล้วก็บันเทิงในสวรรค์ ต่อจากนั้นเมื่อพระราชาให้สั่งสอนต่อไปอีก ก็สอนให้ทรงปฏิบัติธรรมปฏิบัติชอบในบุคคลทั้งปวง.
๔ . เนมิราชชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือความตั้งมั่นคง.    มีเรื่องเล่าว่า เนมิราชกุมารได้ครองราชสืบสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดาทรงบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นที่รักของมหาชน และในที่สุด เมื่อทรงพระชราก็ทรงมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส เสด็จออกผนวชเช่นเดียวกับที่พระราชบิดาของพระองค์เคยทรงบำเพ็ญมา.
๕ . มโหสถชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญปัญญาบารมี คือความทั่วถึงสิ่งที่ควรรู้.   มีเรื่องเล่าว่า มโหสถบัณฑิตเป็นที่ปรึกษาหนุ่มของพระเจ้าวิเทหะแห่งกรุงมิถิลา ท่านมีความฉลาดรู้ สามารถแนะนำในปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องรอบคอบ เอาชนะที่ปรึกษาอื่น ๆ ที่ริษยาใส่ความ ด้วยความดีไม่พยาบาทอาฆาต ครั้งหลังใช้อุบายป้องกันพระราชาจากราชศัตรู และจับราชศัตรูซึ่งเป็นกษัตริย์พระนครอื่นได้.
๖ . ภูริทัตชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญบำเพ็ญศีลบารมี คือการรักษาศีล.   มีเรื่องเล่าว่า ภูริฑัตตนาคราชไปจำศีลอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา. ยอมอดทนให้หมองูจับไปทรมารต่างๆ ทั้ง ๆ ที่สามารถจะทำลายหมองูได้ด้วยฤทธิ์ มีใจมั่นต่อศีลของตน ในที่สุดก็ได้อิสรภาพ.
๗ . จันทกุมารชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญขันติบารมี คือความอดทน   มีเรื่องเล่าว่า จันทกุมารเป็นโอรสของพระเจ้าเอกราชเคยช่วยประชาชนให้พ้นจากคดี ซึ่งกัณฑหาลพราหมณ์ราชปุโรหิตาจารย์รับสินบนตัดสินไม่เป็นธรรม ประชาชนก็พากันเลื่อมใสเปล่งสาธุการ ทำให้กัณฑหาลพราหมณ์ผูกอาฆาตในพระราชกุมาร.
      เมื่อพระเจ้าเอกราชทรงราชสุบิน เห็นดาวดึงสเทวโลก เมื่อตื่นจากบรรทมทรงใคร่จะทราบทางไปสู่เทวโลก ตรัสถามกัณฑหาลพราหมณ์ จึงเป็นโอกาสให้พราหมร์แก้แค้นด้วยการกราบทูลแนะนำให้ตัดพระเศียรพระโอรส ธิดา เป็นต้นบูชายัญ.
      พระเจ้าเอกราชเป็นคนเขลา ก็สั่งจับพระราชโอรส ๔ พระองค์ พระราชธิดา ๔ พระองค์ ไปที่พระลานหลวง เพื่อเตรียมประหารบูชายัญ นอกจากนั้นยังสั่งจับพระมเหสี ๔ พระองค์ และคนอื่น ๆ อีก เพื่อเตรียมการประหารเช่นกัน แม้ใครจะทัดทานขอร้องก็ไม่เป็นผล. ร้อนถึงท้าวสักกะ ( พระอินทร์) ต้องมาข่มขู่และชี้แจงให้หายเข้าในผิดว่า วิธีนี้ไม่ใช่ทางไปสวรรค์ . มหาชนจึงรุมฆ่าพราหมณ์ปุโรหิตนั้นและเนรเทศพระเจ้าเอกราช แล้วกราบทูลเชิญจันทกุมารขึ้นครองราชย์.
๘ . นารทชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือการวางเฉย.   มีเรื่องเล่าว่า พรหมนารทะช่วยเปลื้องพระเจ้าอังคติราชให้กลับจากความเห็นผิด มามีความเห็นชอบตามเดิม ( ความเห็นผิดนั้น เป็นไปในทางว่าสุขทุกข์เกิดเองไม่มีเหตุ คนเราเวียนว่ายตายเกิด หนักเข้าก็บริสุทธิ์ได้เอง ซึ่งเรียกว่าสังสารสุทธิ) .
๙ . วิฑูรชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญสัจจบารมี คือความสัตย์.    มีเรื่องเล่าว่าถึงวิฑูรบัณฑิต ซึ่งเป็นผู้ถวายคำแนะนำประจำราชสำนัก พระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะเป็นผู้ที่พระราชา และประชาชนรักใคร่เคารพนับถือมาก ครั้งหนึ่งปุณณกยักษ์มาท้าพระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะเล่นสกา ถ้าตนแพ้จักถวายมณีรัตนะอันวิเศษ ถ้าพระราชาแพ้ ก็จะพระราชทานทุกสิ่งที่ต้องการ เว้นแต่พระกายของพระองค์ ราชสมบัติ และพระมเหสี
      ในที่สุดพระราชาแพ้ ปุณณกยักษ์จึงทูลขอตัววิฑูรบัณฑิต พระราชาจะไม่พระราชทานก็เกรงเสียสัตย์ พระองค์ตีราคาวิฑูรบัณฑิตยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ทรงหน่วงเหนี่ยวด้วยประการต่าง ๆ แต่ก็ตกลงกันไปไต่ถามให้วิฑูรบัณฑิตตัดสิน วิฑูรบัณฑิตก็ตัดสินให้รักษาสัตย์ คือตนเองยอมไปกับยักษ์ ความจริงยักษ์ต้องการเพียงเพื่อจะนำหัวใจของวิฑูรบัณฑิตไปแลกกับธิดาพญานาค ซึ่งความจริงเป็นอุบายของภริยาพญานาคผู้ใคร่จะได้สดับธรรมของวิฑูรบัณฑิต จึงตกลงกับสามีว่า ถ้าปุณณกยักษ์ต้องการธิดาของตน ก็ขอให้นำหัวใจของวิฑูรบัณฑิตมา.
      แม้ยักษ์จะหาวิธีทำให้ตายก็ไม่ตาย วิฑูรบัณฑิตกลับแสดงสาธุนรธรรม ( ธรรมของคนดี) ให้ยักษ์เลื่อมใสและได้แสดงธรรมแก่พญานาคในที่สุดก็ได้กลับสู่กรุงอินทปัตถ์ มีการฉลองรับขวัญกันเป็นการใหญ่.
๑๐ . เวสสันดรชาดก
      ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญทานบารมี คือบริจากทาน.    มีเรื่องเล่าถึงพระเวสสันดรผู้ใจดีบริจากทุกอย่างที่มีคนขอ ครั้งหนึ่งประทานช้างเผือกคู่บ้านคู่เมืองแก่พราหมณ์ชาวกาลิงคะ ซึ่งมาขอช้างไปเพื่อให้หายฝนแล้ง แต่ประชาชนโกรธขอให้เนรเทศ พระราชบิดาจึงจำพระทัยเนรเทศ ซึ่งพระนางมัทรีพร้อมด้วยโอรส ธิดาได้ตามเสด็จไปด้วย
      เมื่อชูชกไปขอสองกุมาร ก็ประทานอีก ภายหลังพระเจ้าสญชัยพระราชบิดาทรงไถ่สองกุมาร แล้วเสด็จไปรับกลับกรุง. ( เรื่องนี้แสดงการเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ คือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อันจะเป็นทางให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวมได้ดียิ่ง มิใช่เสียสละโดยไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเหตุผล).

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น